ตัวเครื่อง iPhone 6/ iPhone 6 Plus ในบ้านเราราคาก็ยังคงถีบตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ (ชนิดที่เรียกว่าทองยังอาย) และในวันนี้ทางทีมงาน @flashfly ก็ได้รับ iPhone 6 ส่งมาให้ทดสอบ ก็เลยถือโอกาสนี้มารีวิวแกะกล่องตัวเครื่องจากเกาะฮ่องกงให้ได้ชมกัน ตามมาดูกันได้เลยว่าภายในกล่องขาว ๆที่เห็นอยู่นี้จะมีอะไรอยู่ข้างในบ้าง
แรกเห็นเลยรู้สึกว่ากล่องเหมือนทำไม่เสร็จ ขาวโพลนไปหมดจะมีเพียงโลโก้ Apple กับคำว่า iPhone ที่มีสี ส่วนด้านบนก็จะใช้เป็นรอยนูนรูปตัวเครื่องแทน ขอบอกก่อนว่ากล่อง iPhone 6 กล่องใหม่นั้นจะแกะยากพอสมควร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนุ่มออซซี่ผู้ถูกจารึกว่าได้ครอบครอง iPhone 6 เครื่องแรก จะทำตกต่อหน้านักข่าวที่กำลังทำการสัมภาษณ์อยู่ สำหรับใครที่กำลังจะซื้อเครื่องใหม่แนะนำให้ระวังในจุดนี้กันนิดนึง เมื่อเปิดออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง iPhone 6 ที่หลายคนรอคอย (จริง ๆตัวเครื่องที่ทีมงานได้มาจะมีสองสีแต่ขอเลือกแกะกล่องสีสุดแพงอย่าง Space Grey ให้ได้ชมกัน)
ถัดจากตัวเครื่องก็จะเป็นคู่มือ, สติ๊กเกอร์ Apple พร้อมกับเข็มจิ้มถาด SIM เหมือนกับรุ่นก่อน ๆ
ต่อมาก็จะเป็นในส่วนของ Adapter กับหูฟัง
Adapter ของฮ่องกงจะเป็นสามขาแบบนี้ ต่างกับของตัวเครื่องที่จะจำหน่ายในบ้านเรา
มาดูหูฟังกันบ้าง ซึ่งจะเหมือนกับ iPhone 5s ทุกประการ
สุดท้ายก็จะเป็นสาย Lightning สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และ Sync ข้อมูล
ภาพรวมอุปกรณ์ทั้งหมดที่มีในกล่อง
มาดูตัวเครื่องกันบ้าง แรกสัมผัสเลยรู้สึกว่าตัวจริงสวยกว่าภาพที่เห็นมาก โดยเฉพาะสีเทาหรือ Space Grey ที่เป็นสีชูโรงของ iPhone 6 ขนาดของตัวเครื่องกำลังพอดีมือ และออกจะถูกใจกับความบางของตัวเครื่อง 6.9 มม. (แบบบางมากจริง ๆนะ) ถึง iPhone 6 จะเป็น iPhone ที่บางที่สุดแต่ไม่ได้เบาที่สุดนะ น้ำหนักจะมากกว่า iPhone 5s อยู่ 17 กรัม แต่ตอนถือจริง ๆความรู้สึกก็แทบจะไม่ต่างกันเลย
ด้านบนก็จะมีกล้องหน้า, เซ็นเซอร์วัดแสง และลำโพงสำหรับสนทนา (ใน iPhone 6 กล้องหน้ากับเซ็นเซอร์วัดแสงจะสลับที่กันไม่เหมือน iPhone 5s) โดยกล้องหน้าถ่ายสามารถถ่ายวิดีโอแบบ HDR ได้แล้วและมีระบบตรวจจับใบหน้าที่ดีกว่าเดิม
ทางด้านล่างก็จะมีปุ่ม Home พร้อม Touch ID สำหรับปลดล็อกตัวเครื่องด้วยลายนิ้วมือ
มาดูรอบ ๆเครื่องกันบ้างเริ่มจากด้านล่างก็จะมีช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม., ไมค์สำหรับสนทนา, พอร์ท Lightning และลำโพง
ถัดมาด้านขวาก็จะมีถาดสำหรับใส่ Nano-SIM กับปุ่ม Power ที่ย้ายมาจากด้านบน (ถ้าใช้มือขวาถือตัวเครื่องนิ้วหัวแม่มือจะอยู่ตำแหน่งพอดีกับปุ่ม Power)
ขอบด้านบนจะเรียบ ๆอย่างที่เห็น
ทางด้านซ้ายจะมีปุ่ม Silent และปุ่ม Volume สำหรับเพิ่ม/ลดเสียง
ย้ายมาดูด้านหลังกันบ้าง ก็จะพบกับโลโก้ Apple กล้องหลัง, ไมค์ตัวที่สองและแฟลช True Tone ซึ่งตัวเครื่องสี Space Grey นั้นจะดูสวยงามทีเดียว
ซูม ๆกล้องหลังจะเห็นชัดเลยว่านูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง โดยกล้องหลังจะเป็น iSight ใหม่ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม แต่สามารถโฟกัสได้ไวขึ้น รองรับการถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่น 240 fps
ประชันความงามของสี Space Grey กับ Silver ซักหน่อย
สำหรับฟีเจอร์เด่นใน iPhone 6 ที่อยากจะแนะนำก็จะมี 2 อย่างด้วยกันคือ Reachablility กับ Display Zoom
โดย Reachablility คือระบบใช้งานมือเดียวที่ทาง Apple คิดค้นขึ้นสำหรับตัวเครื่องที่มีหน้าจอใหญ่ขึ้น สามารถใช้งานโดยการแตะที่ปุ่ม Home สองครั้ง หน้าจอจะเลื่อนลงมาเกือบครึ่งของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อให้ง่ายต่อการเอื้อมนิ้วไปใช้งาน หากไม่ได้ใช้งานสักครู่หน้าจอก็จะกลับเป็นปกติ
สำหรับ Display Zoom จะทำให้สามารถเลือกใช้งานไอคอนแบบ 6 แถวหรือ 5 แถวได้ตามความชอบ สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings –> Display & Brightness –> Display Zoom
หลังจากที่ได้ลองสัมผัสตัวเครื่อง iPhone 6 แล้ว ถึงจะไม่รู้สึกว่าว้าวเท่าที่ควร แต่ก็ถูกใจไม่น้อยกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและตัวเครื่องที่บางลงอย่างมาก ทำให้ใช้งานและพกพาได้สะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม สำหรับใครที่สนใจว่าตัวกล้องดีขึ้นแค่ไหนก็มีภาพถ่ายตัวอย่างให้ชมกันนิดหน่อยทางด้านล่าง
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก iPhone 6
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทางอิชิตันสำหรับความเอื้อเฟื้อในการส่ง iPhone 6 มาให้ทางทีมงาน @flashfly ได้รีวิวกัน โดยทางคุณตันได้ฝากมาบอกเพื่อน ๆว่าถึงไทยจะไม่ใช่ประเทศแรก ๆของโลกที่ขาย iPhone 6 แต่อิชิตันจะเอามาแจกฟรี เป็นที่แรกของโลก เก็บฝาอิชิตันเอาไว้ 1 ตุลาคมนี้รู้กัน ติดตามรายละเอียดได้ที่ facebook.com/Ichitan และ www.ichitandrink.com ใครไม่อยากไปต่อคิวซื้อเครื่องก็เตรียมตัวกันได้เลย
ที่มา – mintflashfly
http://www.flashfly.net/wp/?p=102317